แม่ช้ำใจ ลูกสาวแอบไปสักลาย

         เมื่อวันที่ 15  เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2565 ในโลกออนไลน์  ได้มีคุณแม่รายหนึ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความเพื่อต้องการคำแนะนำและคำปลอบใจเนื่องจากว่ารู้สึกผิดหวังจากการกระทำของลูกสาวของตนเอง และไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตนเองอย่างไรถึงจะสามารถให้อภัยกับการทำความผิดของลูกสาวของตนเองได้ 

         สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นคุณแม่เวลานี้ได้มีการเล่าว่าตัวเธอและสามีนั้นเลิกรากันไปตั้งแต่เธออายุเพียงแค่ 18 ปี

ซึ่งขณะนั้นเธอเพิ่งตั้งท้องลูกสาวเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นสามีของเธอก็ไปมีผู้หญิงคนอื่นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ต้องเลี้ยงดูลูกของเธอด้วยตัวของเธอเอง เนื่องจากว่าครอบครัวของคุณแม่รายนี้ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากนักดังนั้นเธอจึงอดทนด้วยความยากลำบากในการส่งเสียเลี้ยงดูจนลูกสาวโตมาอายุ 20 ปี

         คุณแม่รายนี้คาดหวังว่าเมื่อลูกสาวโตขึ้นจะให้ลูกสาวเข้ารับราชการซึ่งได้มีการคุยกับลูกสาวไว้แล้วและลูกสาวของเธอเองนั้นก็อยากจะเป็นคุณครูดังนั้นเธอจึงได้เสียสละชีวิตส่วนตัวของเธอทุกอย่างเพื่ออบรมเลี้ยงดูลูกสาวและส่งเสียลูกสาวให้เรียนหนังสือสูงๆ 

อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ปรากฏว่าครอบครัวของฝ่ายสามีได้ติดต่อมาแล้วบอกว่าย่ากำลังป่วยลูกสาวของเธอจึงได้ร้องขอไปเยี่ยมคุณย่าโดยเธอเองก็อนุญาตเพราะลูกสาวของเธอไปค้างเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น 

           อย่างไรก็ตาม คุณแม่รายนี้ระบุว่าหลังจากลูกสาวของเธอกลับมาก็ได้มีการนำภาพรอยสักที่ลูกสาวของเธอนั้นแอบไปสักมาให้เธอได้ดู

โดยระบุว่าแม่เลี้ยงเป็นคนให้เงินเพื่อให้ลูกสาวของเธอนั้นไปสักลายที่ตัวซึ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากความหวังที่เธอตั้งเอาไว้ว่าอยากจะให้ลูกของเธอรับราชการนั้นไม่สามารถเป็นไปได้แล้วเพราะอย่างที่รู้กันดีว่าหน่วยงานราชการนั้นจะต้องมีการตรวจร่างกายซึ่งจะไม่อนุญาตให้มีการสักตามร่างกายอย่างเด็ดขาด 

         อย่างไรก็ตามหลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ผู้คนก็มาแสดงความคิดเห็นเป็นเงินจำนวนมากโดยมองว่าลูกสาวอายุ 20 ปีโตและตัดสินใจได้แล้วว่าอยากจะทำอะไรและการสักลายก็เป็นสิทธิส่วนตัวของลูก   ดังนั้นผู้เป็นแม่จึงไม่ควรคาดหวังกับลูกมากจนเกินไป

นอกจากนี้การคาดหวังว่าให้ลูกเรียนจบไปแล้วเข้าราชการนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกไม่ควรที่จะบีบบังคับโลก  เพราะ  ufabet เว็บหลัก    ท้ายที่สุดแล้วชีวิตของลูกลูกต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวของตัวเองแม่มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการตัดสินใจของลูกเพียงเท่านั้น